สาระสำคัญภายในบทความ
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคของการตลาดที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแพล็ตฟอร์มดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องตีให้แตกตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งขณะนี้คนทั่วไปมักเกิดความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อนไป เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน"เว็บไซต์" ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันค่ะ ว่า 3 เรื่องที่คนเข้าใจผิดเป็นเรื่องจริงหรือไม่?
1. ลูกค้าติดต่อมาจาก facebook หรือ Line ไม่ใช่มาจากเว็บไซต์
หลายผู้ประกอบการมักจะพูดกันเป็นเสียงเดียวเวลาถามลูกค้าว่า พบธุรกิจของเราจากช่องทางไหน ? ลูกค้ามักจะเข้าใจเสมอว่า อ่อ..มาจาก Facebookค่ะ มาจาก Line ครับ แต่แท้จริงแล้ว ไม่เป็นความจริงเสมอไปค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่มักมาจากเว็บไซต์เป็นหลัก แม้เราจะเห็น enquire ผ่านมาจากช่องทาง facebook หรือ Line
ลูกค้าของคุณอาจหาข้อมูลในสินค้าหรือบริการที่สนใจในเบื้องต้นผ่านช่องทาง google และมี Pain point โดย เสริชหาคำคียเวิร์ดจนกระทั่งเจอเว็บไซต์ของคุณบนหน้า Google และเข้าไปดูข้อมูลคอนเท้นต์ จนเมื่อเกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการจึงมักจะไปจบลงด้วยการเข้าไปสอบถามผ่าน messenger facebook หรือ Line ซะส่วนใหญ่ ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่า..โดยพื้นฐานคนไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะไม่ชอบใช้อีเมล์กันมากเท่าไหร่ทำให้เวลาสงสัยหรือมีคำถามจึงเลือกที่จะไปในช่องทางอื่นมากกว่าการส่งอีเมล์ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ขึ้นกับผู้ประกอบการว่า ลูกค้าที่เข้ามามักผ่าน Facebook หรือ Line
2. ทำ SEO ครั้งเดียว ครั้งแรกก็พอแล้ว
การทำ seo ติดหน้าแรก หรือ Search engine optimization คือวิธีการเพิ่มทราฟฟิคของคุณทั้งในด้านของปรับแต่งเนื้อหาคอนเท้นต์หรือการเพิ่มBacklink มายังเว็บไซต์ เรามักจะเจอลูกค้าที่เมื่อเห็น ติดอันดับต้นๆ หน้าแรก Google แล้ว จะรู้สึกพึงพอใจและคิดว่าการทำ SEO ไม่จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องอีกต่อไป...นั่นถือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดค่ะ ในส่วนของการทำ SEO ถึงแม้ว่าเราจะปั่นขึ้นไปอยู่อันดับแรกหรือหน้าต้น ๆ ของ Google แล้ว เรายังคงต้องเข้าไปปรับข้อมูลเนื้อหา หรือคอนเท้นต์ อยู่สม่ำเสมอ เพื่อที่จะให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงตามอัลกอริทึมของ Google ในทุก ๆ 3 เดือน
ถ้าเปรียบกับการฉีดวัคซีนเรายังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนตลอดเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันกับเชื้อโรค ก็เหมือนกับการทำ seo ติดหน้าแรก ยิ่งอยากให้อันดับ ติดหน้าแรกอันดับต้นนาน ๆ เราต้องเข้าไปทำงานกับมันอยู่เสมอ ยิ่งตอนนี้เราจำเป็นต้องตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิมเพราะมีคู่แข่งหันมาทำการตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
การทำเว็บไซต์ธุรกิจของเราให้ติดหน้าแรก Google ถือเป็นข้อดีอย่างมากในการเพิ่มโอกาสการมองเห็นของลูกค้า ยังไม่พอยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจของคุณอีกด้วยอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ลูกค้าของคุณไว้วางใจและเลือกใช้บริการกับเราค่ะ
3. เว็บไซต์เหมาะกับธุรกิจ B2C ไม่เหมาะกับธุรกิจ B2B
มีหลายคนเชื่อว่าการทำเว็บไซต์เหมาะกับธุรกิจ B2C อย่างเช่น ขายขนม หรือ เสื้อผ้า โดยการใช้เว็บไซต์คงจะเหมาะทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายหรือที่เราเข้าใจกัน คือ ธุรกิจจำพวก E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) แต่สำหรับธุรกิจ B2B ก็ยังไม่เหมาะอยู่ดีค่ะ
(มันจะจริงเหมือนที่คนอื่นบอกรึเปล่านะ?) ตรงนั้นเป็นข้อเข้าใจผิดที่ไม่น่าเชื่ออย่างมากค่ะความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่ลูกค้าของ Geniuswebb 90% เป็นธุรกิจ B2B เพราะธุรกิจจำพวกนี้จะมีคีย์เวิร์ดเฉพาะทาง
ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจสถาปนิก จะแยกออกเป็นสถาปนิกที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบวางแผนโครงสร้างอาคารใหม่ หรืออีกแบบจะเป็นสถาปนิกที่บริหารจัดการและควบคุมการก่อสร้าง เน้นปรับปรุงเพื่อที่จะรีโนเวทอาคารใหม่ซึ่งทั้งสองแบบจะเรียกว่า สถาปนิก เหมือนกัน แต่จะจำแนกเนื้องานที่แตกต่างกันกันออกไปซึ่งฐานลูกค้าจะมองหาไม่เหมือนกัน การใช้คีย์เวิร์ด เพื่อค้นหาในหน้า Google ก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจสถาปนิกค้นหาบริษัทได้เจาะจงได้มากขึ้น หากมีเว็บไซต์ถือว่าธุรกิจ B2B จะทำให้ลูกค้าพบเราได้มากยิ่งขึ้น ด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มค่ะ สำหรับการทำจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์ที่จะสามารถเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจของคุณได้แม้คนอื่นอาจมองว่า การทำอาจจะเก่าไปแล้ว คนเข้า Facebook หรือช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นมากกว่า
แต่แท้จริงแล้ว..การมีเว็บไซต์ก็เหมือนมีหน้าร้าน แม้ร้านคุณจะไกลหรือลึกแค่ไหนลูกค้าก็สามารถเห็นคุณได้ผ่านหน้า Google ที่เป็นแพลตฟอร์มนิยมของคนทั่วโลกไม่จำเป็นต้องหาทำเลติดถนนใหญ่ ค่าเช่าสูงเหมือนคู่แข่งของเราแม้เราจะอยู่ที่ไหนลูกค้าก็จะหาเราเจออยู่ดี ถ้าหน้าร้านติดอันดับบนหน้า Google ไม่เพียงแต่สร้างยอดขายให้กับเราแล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจด้วยนะคะ (ยุคนี้ไม่มีเว็บไซต์ไม่ได้แล้ววว!!!)