สาระสำคัญภายในบทความ
- ข้อแตกต่างระหว่าง SEO และ Google Ads อาจมีไม่มากนัก แต่สุดท้ายทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายไปในทางเดียวกัน
- จากที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า ผู้คนต่างพากันค้นหาวิธีการแก้ปัญหาหรือสินค้าและบริการที่พวกเขาต้องการ
- SEO vs. Google Ads : อะไรที่ทำให้สองสิ่งนี้แตกต่างกัน
- SEO vs. Google Ads : ระบบไหนเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
- ให้เลือกใช้ SEO เป็นแผนระยะยาว
- ใช้ Google Ads เป็นแผนระยะสั้น ที่ให้ผลลัพธ์สูงสุด
ข้อแตกต่างระหว่าง SEO และ Google Ads อาจมีไม่มากนัก แต่สุดท้ายทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมาย
ไปในทางเดียวกัน
ก่อนที่เราจะเริ่มพูดถึงรายละเอียดทั้งหมด เราทำให้คุณทราบก่อนว่า ทั้งสองสิ่งนี้ SEO และ Google Ads มีความสำคัญต่อคุณ และธุรกิจของคุณอย่างไรบ้าง...
คุณคงทราบดีว่า Google และ Search Engine อื่นๆ นั้น เป็นเส้นทางที่ผู้คนทั่วโลกใช้ในการค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ ทุกนาทีจะมีผู้คนมากกว่า 2.3 ล้านคนค้นหาข้อมูลผ่าน Google ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นอาจค้นหาข้อมูล เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต, ค้นหาภัตตาคารหรูๆ สักแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้บ้าน, ค้นหาดีลเลอร์รถยนต์ดีๆ สักเจ้าหนึ่ง หรือวิธีการในการดำเนินชีวิตประจำวันอื่นๆ อีกมากมาย
จากที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า ผู้คนต่างพากันค้นหาวิธีการแก้ปัญหาหรือสินค้าและบริการที่พวกเขาต้องการ
เมื่อเราได้ทำการค้นหาอะไรบางอย่างบน Google เราจะได้ผลลัพธ์ในการค้นหา เป็นลิงค์เว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เราต้องการ นอกจากนี้ผลลัพธ์การค้นหาที่ Google ส่งกลับมาให้เรานั้นยังมีความถูกต้องแม่นยำตามที่เราต้องการอีกด้วย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้คนถึงสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยที่พวกเขาแทบจะไม่ต้องเปิดไปดูผลลัพธ์การค้นหาในหน้าถัดไปเลยก็ได้ ทั้งนี้ความจริงแล้วมีประชากรเพียงร้อยละ 10 จากหลายล้านคนที่เปิดดูผลลัพธ์การค้นหาบน Google ในหน้าถัดไป นั่นหมายความว่า ความหนาแน่นของผู้เข้าชมผลลัพธ์ของ Google จะอยู่ที่หน้าแรกกันเสียส่วนใหญ่
และนี่จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจ, สินค้า หรือบริการของคุณ ควรอยู่ในรายการผลลัพธ์ในหน้าแรก และถ้าจะให้ดีก็ควรที่จะอยู่ในรายการ 3 อันดับแรกของผลลัพธ์การค้นหาในหน้าแรกด้วย ซึ่งสิ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจของคุณนั้น ติดอยู่ในผลลัพธ์การค้นหาอันดับต้นๆ คือ SEO และ PPC โดยทั้งสองก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป เพื่อให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง SEO และ PPC ให้มากขึ้น เราจะพาคุณไปดูรายละเอียดของทั้งสองพร้อมทั้งบอกถึงข้อได้เปรียบ และจุดอ่อนของระบบทั้งสองด้วย
SEO vs. Google Ads : อะไรที่ทำให้สองสิ่งนี้แตกต่างกัน
ข้อได้เปรียบของ Google Ads
Google Ads หรือ Pay per click คือบริการที่จะช่วยให้คุณ สามารถจัดการกับเว็บไซต์ของคุณ บนหน้าแสดงผลลัพธ์การค้นหาใน Search Engine ได้ซึ่งแทนที่คุณจะรอให้ Search Engine ทำการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณตามกลไกของมัน คุณก็แค่ทำการจ่ายเงินให้กับ Search Engine นั้น (ซึ่งอาจจะเป็น Google) เพื่อให้ระบบทำการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณขึ้นอยู่ในลำดับต้นๆ
และทุกๆ ครั้งที่มีคนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ ผ่านป้ายโฆษณา หรือลิ้งค์เว็บไซต์ Search Engine จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่ง นี่คือการทำงานของ Google Ads นั่นเอง
ซึ่งข้อดีของ Google Ads คือ คุณไม่ต้องพยายามผลัดดันให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณ ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ คุณเพียงแค่ลงทุนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถนำลิ้งค์เว็บไซต์ธุรกิจของคุณ ขึ้นอยู่ในตำแหน่งด้านบน หรืออยู่กลางหน้า Search Engine ได้โดยง่าย ช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชมให้มากขึ้นได้ด้วย
วิธีนี้ เป็นวิธีที่ช่วยการันตีได้ว่า เว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณ จะสามารถแสดงให้ผู้คน ที่ค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ระยะเวลาในการผลักดันเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการจัดอันดับ ผ่านการทำงานของ Google Ads คือ งบประมาณ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการค้นหาที่น่าพอใจ คุณอาจจะต้องมีงบประมาณในระดับหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ของคุณสามารถขึ้นอยู่ในตำแหน่งที่มีผู้คนเข้าชมจำนวนมากได้
และจากการที่ Search Engine อย่าง Google จะเก็บค่าบริการใน Google Ads จากการคลิกเพียงครั้งเดียว ในการเข้าชมเว็บไซต์แต่ละครั้ง ดังนั้นวางใจได้เลยว่าผู้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณน่าจะต้องการเข้ามาซื้อสินค้า หรือบริการของคุณอย่างแน่นอน
ข้อได้เปรียบของ SEO
กลไกการทำงานของ Search Engine ก็เหมือนกลไกที่ช่วยผลักดันให้คุณ ทำการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้เว็บไซต์นั้นสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ในผลการค้นหาบนหน้า Search Engine ซึ่งกลไกนี้จะเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง ตามที่มีการวางระบบเอาไว้
จุดแข็งของการจัดอันดับเว็บไซต์โดย SEO นั้น เว็บไซต์ของคุณจะสามารถขึ้นไปอยู่ในรายการอันดับต้นๆ ได้โดยไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของลิงค์โฆษณา ซึ่งเป็นข้อดีของการจัดอันดับในลักษณะนี้ เนื่องจากผู้คนจะเลือกคลิกไปที่รายการเว็บไซต์ ที่อยู่ในหน้าการค้นหาแบบธรรมดา มากกว่าที่จะคลิกลิ้งค์ที่อยู่ในส่วนของป้ายโฆษณา
ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของ SEO คือ มันฟรี! หรือไม่ก็เป็นวิธีการที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถขึ้นไปอยู่ในรายการผลลัพธ์การค้นหาอันดับต้นๆ ของ Google ได้
นอกจากนี้ การใช้ระบบ SEO จะช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณให้เพิ่มมากขึ้นได้เรื่อยๆ (ตราบใดที่เว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจ) ในความเป็นจริงแล้ว อัตราการเข้าชมเว็บไซต์ที่เกิดจากการคลิกผ่าน SEO นั้น มีปริมาณที่สูงกว่าการคลิกผ่าน Google Ads ถึง 8 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจาก เว็บไซต์ที่ถูกจัดอันดับโดย SEO น่าจะมีความน่าเชื่อถือ และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้คนที่เข้าชมเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้คนโดยส่วนมาก มักจะหลีกเลี่ยงการเข้าชมเว็บไซต์ที่เป็นป้ายโฆษณา
SEO vs. Google Ads : ระบบไหนเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างที่สุดของ SEO และ Google Ads คือ เวลา และ ค่าใช้จ่าย
ให้เลือกใช้ SEO เป็นแผนระยะยาว
ด้วยเหตุที่คุณจะต้องทำการพัฒนาเนื้อหาในเว็บไซต์ ให้เข้ากับระบบของ SEO ทำให้คุณต้องใช้เวลาในการพัฒนาค่อนข้างมาก อาจจะใช้เวลาเป็นปี เพื่อสร้างความชำนาญในการสร้างเนื้อหา และค้นหาแนวทางที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณ ขึ้นไปสู่อันดับต้นๆ ในรายการผลลัพธ์ของ Google ให้ได้
ซึ่งในจุดนี้ หากคุณเลือกใช้ระบบ SEO คุณจะต้องพัฒนาเนื้อหาในเว็บไซต์ ให้มีคุณภาพสูง, ใช้เวลาในการสรรสร้างลิงค์ต่างๆให้มีความเหมาะสมและครบถ้วน, มุ่งเน้นในการเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ และเพิ่มการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ ให้อยู่ในลำดับต้นๆ บนหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Google ให้ได้
ทั้งนี้เนื่องจาก Search Engine ทั้งหลายจะต้องจัดเตรียมและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ที่เป็นผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้สืบค้นต้องการ และถ้าคุณสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณ มีความเข้ากันได้กับระบบ SEO จะทำให้อัลกอริธึมของระบบ สามารถตรวจจับความเกี่ยวข้องของเนื้อหาในเว็บไซต์ และแสดงลิงค์เว็บไซต์ของคุณบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาได้
ดังนั้น แม้ว่าการจัดอันดับเว็บไซต์ ด้วยระบบ SEO จะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่การจัดอันดับด้วยวิธีนี้ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ ขึ้นอยู่ในรายการต้นๆ ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ Google Ads ที่อาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายได้หลายพันดอลลาร์เลยทีเดียว
ใช้ Google Ads เป็นแผนระยะสั้น ที่ให้ผลลัพธ์สูงสุด
จากรายละเอียดที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ จุดแข็งของการใช้ Google Ads คือ คุณสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
วิธีนี้เป็นวิธีการที่มีประโยชน์มาก หากคุณต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ ซึ่งตรงนี้คุณจะสามารถทำการปรับปรุงเว็บไซต์และทำการทดสอบ A/B test เพื่อประเมินกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มการทำยอดขาย
แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมได้อย่างรวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว โดย Google สามารถเรียกเก็บค่าบริการจากคุณได้ เมื่อมีคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณใน 1 ครั้ง
นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่คุณจะต้องทำให้การโฆษณาของคุณนั้น มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนต้องการค้นหามากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนรับทำระบบการโฆษณาคล้ายๆ Google Ads อีกหลายๆ แห่ง ที่คุณสามารถเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ให้มากขึ้นได้ และเสียค่าใช้จ่ายในปริมาณไม่มากนัก
แต่สุดท้ายนี้ ทั้งสองระบบต่างมีข้อด้อยและข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความพร้อมทางด้านใด: เงิน หรือ เวลา ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้ Google Ads และ SEO มีความแตกต่างกัน หากว่าคุณต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาพัฒนาเพียงน้อยนิด อาจเลือกใช้ Google Ads แต่ถ้างบประมาณของคุณมีน้อย ก็ควรเลือกใช้ SEO
หรือคุณอาจเลือกใช้ทั้งสองระบบร่วมกัน โดยเป็นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว ในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ หลังจากนั้น เมื่อคุณมีผู้เข้าชมอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ก็เริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบ SEO เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นนั่นเอง
แหล่งที่มา
https://www.websitemagazine.com/blog/back-to-basics-what-s-the-difference-between-seo-and-ppc